วันพฤหัสบดีที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2560

20.ไรตัวออน



ไรตัวออนเป  นไรที่มขนาดเล ี ็กจนแทบมองไมเหนด็ วยตาเปลาจัดอยในวงศ ู Trombiculidae  มี สีเหลือง หรือสม ตามตัวมีขนเล็กๆยาวๆปกคลุม ระยะทเปี่ นตัวออนซึ่งมี 6 ขา นอกจากเปนพาหะ นําโรค สครัปไทฟสแลวยังทําใหเกดรอยแผลบนผ ิ ิวหนงทั ี่ถูกกัดดวย 

19.ตัวเรือด

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง





ตัวเรือดเปนแมลงประเภทมวนชนดหน ิ ี่งอยูในวงศ Cimicidae เปนแมลงที่ดูดกินเลือดสัตว และคนเปนอาหารเปนแมลงที่มีขนาดเล็กลักษณะลําตัวกวางรูปไขและแบน มีสีน้ําตาลแดง เมื่อ

18.มดกระสุน




มดกระสุน  คือชื่อที่ใช้เรียกตามสมญาความเจ็บปวดอันดับ 1 ของมันครับ
เพราะมันต่อยได้เจ็บปวดเหมือนถูกกระสุนปืน  มดชนิดนี้พบได้ในป่าฝนในแถบนิคารากัว
ฮอนดูรัส และ ปารากวัย   มดงานจะมีตัวใหญ่ได้ถึง 1.2 นิ้ว  มีออกแดงเข้ม  แดงดำ
มีเข็มพิษอยู่ที่ตูด  พิษของ Bullet ant ไม่สามารถฆ่าคนได้  แต่สร้างความเจ็บปวดได้อย่างสูงสุด
จนได้ Index ระดับ 4 ไปครอง


17.แตน






แตน (อังกฤษHymenoptera) จัดเป็นแมลงจำพวกผึ้ง เพราะว่ามีเหล็กในและการดำรงชีวิตที่คล้ายคลึงกัน แตนเป็นแมลงเอวคอด ปีกบางสองคู่ แตนมีหลายชนิดสร้างรังรูปแบบแปลกๆ สวยงาม แตนบัว หรือแตนฝักบัวสร้างรังคล้ายกับฝักบัวคว่ำ รังนี้ยึดติดแน่นกับกิ่งไม้ ด้านล่างของรังที่หันลงดินแบ่งเป็นช่องสำหรับเป็นที่อยู่ของตัวอ่อน และเป็นทางเข้าออก แตนสร้างรังโดยการเคี้ยวไม้เก่าๆ ผสมกับน้ำลายซึ่งจะแปรสภาพเป็นเยื่อไม้แล้วเอาไปเรียงต่อกันเป็นห้องจนกลายเป็นรัง

ภายหลังผสมพันธุ์เสร็จ เมื่อแม่แตนสร้างรังหรือห้องได้บ้างแล้ว มันจะไปหาอาหารมาทิ้งไว้ให้ลูกอ่อนกิน อาหารตัวอ่อนชอบกิน คือตัวหนอนผีเสื้อ ซึ่งแม่แตนจะต่อยให้สลบแล้วนำมาใส่ไว้ในช่องที่เตรียมไว้เมื่อไข่ฟักเป็นตัวก็จะมีอาหารกิน แมลงจำพวกเดียวกันกับแตนมีหลายชนิด เช่น ต่อ ต่อหมาร่า รูปร่างคล้ายกัน แต่สีแตกต่างกันไป สีเหลือง ดำสลับเหลือง รังอาจเป็นรูปกลมรี รูปกระปุกหรือแบบลูกฟูก แตนบางชนิดทำรังด้วยดิน เช่น หมาร่า

       16..แมงมุมพิษที่ร้ายแรงที่สุดในโลก แมงมุมบราซิล (Brazillian Wandering Spider )



แมงมุมพันธุ์นี้ มาจากบราซิล เรียกว่า แมงมุมบราซิล (Brazillian Wandering Spider ) หรือแมงมุมกล้วย ซึ่งความรุนแรงในพิษของมันนั้น นอกจากจะทำให้เจ็บปวดสุด ๆ แล้ว จะทำให้อวัยวะเพศของผู้ที่ถูกกัดควบคุมไม่ได้ ถ้าหากรอดชีวิต ก็จะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ส่วนถิ่นที่อยู่ของแมงมุมชนิดนี้ มักแอบอยู่ในที่ที่อับ เช่น รองเท้า ตู้เสื้อผ้า หรือแม้กระทั่งในรถยนต์

                                     15.แมงมุมสีน้ำตาล (Brown recluse spider)


เป็นแมงมุมขนาดเล็ก ลำตัวสีน้ำตาลอ่อนหรือเหลืองเข้ม แต่ลักษณะที่เด่นที่สุดคือ ด้านหลังของแมงมุมจะมีลายคล้ายไวโอลิน มักอาศัยอยู่ในที่มืด ตู้เสื้อผ้า รองเท้า และเตียงนอน อย่างไรก็ตาม หาถูกแมงมุมสีน้ำตาลกัด พิษมักออกฤทธิ์ทางผิวหนังและระบบเลือด โดยเริ่มปวดและคันหลังถูกกัด 2-8ชั่วโมง มีตุ่มน้ำพอง และเริ่มปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ สามารถทำให้ผิวหนังตายได้   

                                               14.แมงมุมพิษทารันทูล่า (Tarantula)





เป็นแมงมุมที่มีขาและขนสีดำหรือน้ำตาล ขาค่อนข้างยาว ส่วนมากอาศัยอยู่ในพื้นดิน และขุดรูลึกประมาณ 30 เซนติเมตร มักพบได้ที่ภาคกลางกับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อย่างไรก็ตาม พิษของแมงมุมชนิดนี้ไม่รุนแรงต่อมนุษย์

13.แมลงตด  



แมลงตดจะปล่อยสารพิษประเภทควิโนน โดยพ่นออกมาเป็นหมอกทางก้นมีเสียงคล้ายตด เมื่อถูกผิวหนังจะแสบร้อนและผิวไหม้คล้ายถูกกรดหากโดนที่สำคัญเช่น ตา จะทำให้ตาบอดได้โดยสารพิษควิโนนจะผลิตจากต่อมภายในท้องผสมกับสารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์การปล่อยพิษจะเกิดจากการผสมกันของสารสองชนิดดังกล่าวและเกิดแรงดันฉีดสารพิษ ควิโนนออกมาเป็นละออละเอียด ปกติแมลงตดจะปล่อยสารพิษเพื่อป้องกันตัวหรือเมื่อถูกรบกวน
การป้องกัน

  12. ต่อ หัว เสือ



เป็นแมลงที่อยู่ในอันดับ  ต่อเป็นแมลงที่มีพิษจัดเป็นสัตว์ประเภท  คือ เป็นแมลงที่กินสัตว์ เช่น ตัวอ่อนแมลงอื่น ซากสัตว์ เป็นอาหาร และยังจัดเป็นแมลงตัวห้ำ อีกทั้งเป็นแมลงที่ดูดน้ำหวานจากเกสรดอกไม้ ต่อหัวเสือมีหลายชนิด ทั้งชนิดที่อยู่ลำพัง หรืออยู่เป็นรวมกันเป็นแมลงสังคม  ส่วนต่อที่สร้างรังขนาดใหญ่มีหลายชนิด ส่วนใหญ่เป็นรูปทรงกลมใหญ่ มักอยู่ตามต้นไม้ใหญ่ เช่น ต่อหัวเสือ ต่อรัง ต่อขวด และต่อหลวง ต่อเป็นแมลงพบได้ทุกภาคของประเทศไทย ในประเทศไทย พบ 18 ชนิด

                           11.ตะขาบ                                    

สัตว์เลื้อยคลานที่ชอบซุกตัวอยู่บริเวณที่อับชื้นและรก เช่น ใต้ตุ่มน้ำ กองไม้ ซากต้นไม้เปียกน้ำ ซึ่ง“พิษของตะขาบ” โดยทั่วไปไม่มีอาการรุนแรงสักเท่าไหร่ ส่วนมากจะปวด บวม และแดงเล็กน้อย บริเวณที่กัดมีรอยเขี้ยวเป็นสองจุด แต่ในรายที่อาการรุนแรงอาจพบต่อมน้ำ เหลืองบริเวณใกล้เคียงโตและกดเจ็บ ปวดศีรษะ ใจสั่น คลื่นไส้ อาเจียน และหนักไปกว่านั้นบริเวณที่ถูกกัดอาจบวมแดง จนเป็นเนื้อตายจำกัดอยู่เฉพาะ ที่

                                                        10.หนอนบุ้ง                                                            


เกิดผื่นแดง แสบ คัน ต่อมามีตุ่มน้ำขุ่นๆหรือหนองเล็กๆ ปรากฏกับผื่นแดง ต่อมาผิวหนังจะเปื่อยและแห้งหลุดลอกออกไปมักขี้นเป็นแนวหรือเป็นปื้นบริเวณผิวหนังที่สัมผัสกับแมลงที่มีพิษโดยเฉพาะถ้าเป้นบริเวณที่พับได้เช่น รักแร้ ข้อศอก 
ขาหนีบ ข้อเข่า และคอ จะเห็นเป็น ผื่น 2 ตำแหน่งตรงกันข้ามซึ่งถ้าพับงอจะเข้ามาแตะกัน

9.ด้วงน้ำมัน





พิษมีชื่อว่า...แคนทารีดิน มีลักษณะเป็นของเหลวสีเหลืองอ่อนคล้ายน้ำมัน ใน ด้วงน้ำมัน 1 ตัวจะมีสารแคนทารีดินประมาณ 6-7 มิลลิกรัม
หากโดนผิวหนังจะทำให้เป็น แผลผื่นพุพอง ปวดแสบปวดร้อน ยิ่งเกาก็จะยิ่งทำให้ลามไปเรื่อยๆ เพราะเมื่อเกามือก็จะเลอะสารนี้ ยิ่งไปสัมผัสบริเวณอื่นก็จะแพร่กระจายไป 
ส่วนใครรับประทานเข้าไปจะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย อุจจาระร่วง ปัสสาวะเป็นเลือด และเสียชีวิตจากภาวะหัวใจล้มเหลว 
วิธีป้องกัน
หากไปโดนเข้าก็ให้รีบล้างมือให้สะอาดโดยเร็ว หรือเช็ดด้วยแอมโมเนียออกทันที เพื่อป้องกันการลุกลาม และควรรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษา โดยใช้ผงถ่านดูดซับสารพิษ จากนั้นก็รักษาระบบไหลเวียนเลือดล้มเหลวและอาการช็อก ให้เลือดและน้ำเกลือเข้าทางเส้นเลือดดำ และป้องกันอันตรายที่เกิดกับไต โดยทำให้มีการถ่ายปัสสาวะเพิ่มมากขึ้น 

8.มดคันไฟ




มดคันไฟอิวิคต้า มีความก้าวร้าวสูงมาก เวลาที่ต่อยเหล็กในที่เหมือนมีดขนาดใหญ่ จะฉีดพิษกลุ่มอัลลาลอยด์และกรดฟอร์มิกเช่นเดียวกับผึ้งและตัวต่อ ซึ่งทำให้เกิดอาการไหม้และคันอย่างรุนแรง โดยพิษจะออกฤทธิ์อยู่นานหลายชั่วโมงและเกิดเป็นเม็ดตุ่มพอง ซึ่งจะกลายเป็นหนองสีขาว เมื่อตุ่มหนองนี้แตกก็สามารถมีแบคทีเรียเข้าไปทำให้เนื้อเยื่อตาย ในรายที่มีอาการแพ้รุนแรงจะก่อให้เกิดอาการหมดสติและอาจเสียชีวิตได้[2] มดคันไฟอิวิคต้า จู่โจมสัตว์ทุกชนิดไม่เว้นแม้แต่มนุษย์ มีผู้ถูกโจมตีทุกปี นอกจากนี้แล้วการฉีดพิษเข้าไปในแผงวงจรไฟฟ้าทำให้ระบบต่าง ๆ เช่น ระบบจราจร หรือไฟฟ้าต่าง ๆ เสียหายได้[1]

7.เเมงป่อง


แมงป่องเป็นสัตว์มีพิษ มีรูปร่างคล้ายปู ส่วนหัวติดกับอกเป็นส่วนเดียวกัน รูปร่างค่อนไปทางสี่เหลี่ยมยาว ลำตัวยาวเป็นปล้อง ๆ ประมาณ 2–10 เซนติเมตร มีก้ามคล้ายก้ามปู 1 คู่ และลำตัวติดกัน มีขาเป็นปล้อง ๆ 4 คู่ติดอยู่ ท้องยาวออกไปป็นหาง มี 5 ปล้อง ที่ปลายหางมีอวัยวะสำหรับต่อย ความยาวโดยเฉลี่ย 3–9 เซนติเมตร โดยแมงป่องที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลกพบในถ้ำมีความยาวเพียง 9 มิลลิเมตรเท่านั้น

6.  ผึ้ง




พิษของผึ้งมีลักษณะเป็นของเหลวใส  มีรสขม  มีกลิ่นของสารอโรมาติกคล้ายดอกนมแมว  มีฤทธิ์เป็นกรด  และมีความถ่วงจำเพาะ 1.313  พิษของผึ้งเป็นสารอินทรีย์เคมีที่ออกฤทธิ์เร็วและรุนแรงต่อผิวหนังอ่อนๆ เช่น  ที่ตาและจมูก  ตลอดจนเนื้อเยื่อต่างๆ ของมนุษย์และสัตว์  พาจากผึ้ง 1 ตัว  สามารถทำให้แมลงบางชนิดตายหรืออัมพาต  ผึ้งงานที่เจริญเป็นตัวจากดักแด้ใหม่ๆ ยังไม่มีพิษ  ต่อมาพิษจะถูกสร้างจากต่อมพิษ (venom  gland)  แล้วถูกนำไปเก็บไว้ที่ถุงเก็บพิษ (venom  sac)  ซึ่งถุงนี้จะติดต่อกับส่วนบนของเหล็กใน  พิษของผึ้งจะผลิตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อผึ้งงานอายุ 10-14 วัน  และจะมีปริมาณคงที่เมื่อผึ้งงานอายุ 15 วันขึ้นไป  โดยจะมีปริมาณ 0.05-0.3 มิลลิกรัม  ส่วนผึ้งนางพญาเมื่อเจริญเป็นตัวเต็มวัยออกจากดักแด้ก็จะมีปริมาณพิษเต็มที่เพื่อความเป็นผู้นำของรัง  โดยธรรมชาติผึ้งนางพญาที่เกิดใหม่จะค้นหานางพญาที่เกิดมาพร้อมกันหรือในเวลาใกล้เคียงกันเพื่อต่อสู้และต่อยให้ตายจนเหลือนางพญาตัวเดียว  พิษของผึ้งนางพญาเมื่อถูกปล่อยออกจากเหล็กในจนหมดแล้ว  ต่อมที่สร้างพิษจะสามารถสร้างพิษขึ้นมาเพิ่มให้ได้อีกในระยะเวลาต่อมา

5.แมลงทเซทซี


                                                     



โรคเหงาหลับ เชื้อโรคชนิดนี้เล็กมาก แต่โตกว่าขนาดเซลของเม็ดโลหิตแดง พบในกระแสโลหิต ในน้ำไขสันหลังและในต่อมน้ำเหลือ แพร่เชื้อได้โดยถูกแมลงทเซทซี (Tsetse-fly) กัด  แมลงชนิดนี้จะเป็นโรคหลังจากรับเชื้อภายใน 18-34 วัน สัตว์เลี้ยงและสัตว์อื่นๆ พบว่ามีเชื้อชนิดนี้ได้ด้วย
เมื่อแมลงที่เป็นโรคกัด จะทำให้เกิดภารระคายเคือง อีกสองวันต่อมาจะมีรอยนูนบวม บริเวณรอบๆ เป็นสีซีดขาว อาการไข้จะตามมาภายใน 2-3 สัปดาห์ หรืออาการจะไม่ปรากฏในทันทีทันใด เมื่ออาการปรากฏ อาการเหล่านั้นจะเป็นต่อเนื่องไปเป็นเดือนหรือเป็นปี หรืออาจหายไปชั่วระยะหนึ่ง แล้วจึงกลับเป็นอีกภายหลัง  นอกจากนั้นมีอาการปวดศีรษะ ปวดเส้นประสาท นอนไม่หลับ ไม่สามารถควบคุมตนเอง ชีพจรเต้นเร็ว ผื่นแดงเรื่อๆ จะปรากฏบนลำตัวและต้นขาและเป็นอยู่ประมาณสองสามวัน ต่อมน้ำเหลืองตามส่วนต่างๆ ของร่างกายจะโต โดยเฉพาะต่อมที่อยู่ข้างคอ ซึ่งเป็นอาการเด่นชัดและช่วยในการวินิจฉัยโรคได้

                                    4 ด้วงก้นกระดก ด้วงน้ำมัน




ชอบเล่นแสงไฟ เมื่อถูกกวนจะขับของเหลวเป็นพิษออกมา ทำให้ผิวหนังพุพอง ปวดแสบปวดร้อน ตาอักเสบ สามารถแก้พิษให้เบาบางลงด้วยการล้างด้วยน้ำสบู่



                                         3   แมงมุมแม่ม่ายดำ


ตัวผู้กับตัวเมียจะมีลักษณะแตกต่างกันคือ ตัวเมีย จะมีความยาว 1-2 เซนติเมตร มีสีดำ ตัวกลม ท้องจะมีลายเป็นรูปนาฬิกาทรายสีแดง ส่วนแมงมุมแม่ม่ายดำตัวผู้ ตัวจะเล็กกว่าตัวเมียประมาณ 20 เท่า มีสีน้ำตาล และไม่มีลายนาฬิกาทรายที่ท้อง ด้วยความที่ตัวผู้มีขนาดเล็กกว่าตัวเมียเยอะ มันจึงไม่สามารถกัดคนได้ ดังนั้นแมงมุมแม่ม่ายสีดำที่กัดมนุษย์ จึงเป็นตัวเมียเท่านั้น

                                      2     แมงมุมแม่ม่ายน้ำตาล



จะมีขนาดเล็กกว่าแมงมุมแม่ม่ายดำเล็กน้อย ตัวกลม มีลายเป็นรูปนาฬิกาทรายสีส้มหรือเหลืองบริเวณหน้าท้อง พิษของแมงมุมแม่ม่ายน้ำตาลจะรุนแรงกว่าแมงมุมแม่ม่ายดำ 2 เท่า ถ้าเทียบพิษในปริมาณที่เท่ากัน แต่แมงมุมแม่ม่ายน้ำตาลจะปล่อยพิษในการกัดแต่ละครั้งน้อยมาก โดยพิษที่เกิดขึ้นก็เป็นพิษทางระบบประสาทเช่นกัน ทำให้เกิดอาการเกร็ง กระตุกในบริเวณที่โดนกัด อย่างไรก็ตามพิษจะไม่ทำให้เกิดภาวะเนื้อตายตรงบริเวณที่ถูกกัด นี่จึงเป็นเหตุผลว่าชนิดแมงมุมที่เป็นข่าวไม่ใช่แมงมุมแม่ม่ายน้ำตาลค่ะ

20.ไรตัวออน ไรตัวออนเป  นไรที่มขนาดเล ี ็กจนแทบมองไมเหนด็ วยตาเปลาจัดอยในวงศ ู Trombiculidae  มี สีเหลือง หรือสม ตามตัวม...